“กะลาแกะราหู หลวงพ่อแขก” วัดสันป่าลาน 
สุดยอดเครื่องราง หนุนดวง เสริมดวงชะตา กันดวงตกดวงอับ แคล้วคลาด มหาอุด อีกหนึ่งวัตถุมงคลที่น่าศึกษา และสะสม(และเป็นที่นิยมอันดับต้นๆของล้านนา)
มีประวัติการจัดสร้าง ชัดเจน พุทธคุณเป็นที่ประจักษ์ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว. อนาคตไกล และเริ่มมีนักสะสมเสาะแสวงหากันมากขึ้น ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งในสุดยอดเครื่องรางของจังหวัดตากอีกชุด (สายล้านนา) ที่มีการบันทึกถึง อักขระเลขยันต์ต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องของ ยันต์พระราหู ที่จัดทำในวัตถุมงคลชุดนี้ เพื่ออ้างอิงข้อมูล กะลาแกะพระราหู หลวงพ่อแขก วัดสันป่าลาน. อ.บ้านตาก จ.ตาก
พระครูวิศาลกิจจานุวัตร (หลวงพ่อแขก) ท่านเป็นชาวจังหวัดตากโดยกำเนิด ท่านดำรงตำแห่นงเจ้าอาวาส วัดสันป่าลาน ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2476 - พ.ศ. 2521. รวม45 พรรษาในการดำรงค์ตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดสันป่าลาน ซึ่งท่าน ก็เป็นเกจิของจังวัดตาก ที่อยู่ในยุคร่วมสมัยเดียวกับ หลวงพ่อครูบาวัง วัดบ้านเด่น หลวงปู่ปัน วัดแม่ยะ หากกล่าวถึงประวัติ การจัดสร้าง กะลาแกะรูปพระราหูนั้น หลวงพ่อแขกท่านเริ่มทำการจัดสร้างก่อน ปี 2500 อย่างแน่นอน ( ตามคำบอกเล่าของ คุณปู่ ปุ๊ด (หลานท่าน) และ คุณปู่ คำมา ( อดตีมัคทายกที่ทันยุคหลวงพ่อแขก ) ). ในการจัดสร้างกะลาแกะ นั้นหลวงพ่อแขกจะทำการจัดหาและเก็บเอาไว้. บ้างก็ได้มาจากญาติโยมที่นำมาถวายให้ ทั้งนี้ ต้องเป็นกะลาตาเดียว หรือ กะลาไม่มีตาเท่านั้น. พอได้จำนวน ก็จะนำมาตัดเป็นชิ้นๆ ตัดแต่งตามรูปทรง ลบมุมพองามไม่ละเอียดสวยงามมากนัก โดยในส่วนนี้ก็จะมี ขะโยมวัด และ ญาติโยมที่อยู่ใกล้วัด มาช่วยกันทำคนละไม้คนละมือ บางครั้งชาวบ้านก็จะแกะกะลามาจากบ้านหรือให้ช่างที่มีฝีมือแกะ เป็นรูปพระพุทธต่าง หรือ รูปพระราหู ในรูปแบบต่างๆ จากนั้นก็จะนำมาให้ หลวงพ่อแขก ทำการปลุกเสกตามฤกษ์ตามวันอีกครั้ง จึงทำให้พบรูปแบบที่เป็นมาตารฐาน และ พบรูปแบบพิเศษ ทั้งศิลป์ชาวบ้านและศิลป์ช่าง หลวงพ่อแขกได้ทำการจัดสร้างหลายวาระ. เลื่อยมาตามฤกษ์ จากการจัดสร้างเป็นกะลาแกะรูปพระราหูนั้น ตามตำราสมุดข่อย การจัดสร้างนั้น เกจิที่จะทำการปลุกเสกจะต้องมีวิชาอาคมแก่กล้า มีความรู้แตกฉาน สามารถดู วัน เวลา รู้ตำราโหราศาสตร์ รู้ฤกษ์ยามต่างๆอย่างแม่นยำ มิฉะนั้นวัตถุมงคลที่จะสร้างจะไม่เข้มขลังหรือไม่ได้ผลตามตำรา อีกทั้งในการจารอักขระก็จะต้องทำต่อเมื่อเกิด ปรากฏการณ์ สุริยุปราคา หรือ จันทรุปราคา ต้องทำภายในคาบเท่านั้นจึงจะเข้มขลังและเกิดพุทธคุณตามตำรา
จึงจัดได้ว่าเป็นวัตถุมงคลที่จัดสร้างได้ยากและน้อยมาก ในการจารอักขระตามตำราการจัดสร้างของหลวงพ่อแขกนั้น ตามตำราจะเรียกยันต์ประเภทนี้ว่า "ยันต์เวียงแสนจั้น" ( วังแสนชั้น ) ซึ่งเป็นยันต์ที่ย่อมาจาก ยันต์จันทปภา หรือ ราหูอมจันทร์ จากคาถาบทเต็ม ยะ ถะ ตัง ตะ ยะ มะ มะ ตัง ติ มะ มะ ตัง กา กา เส ตัง ย่อมาเป็น สะ งะ ตัง ติ มะ ตัง กา เส ตัง ซึ่งอีกเหตุผลหนึ่งที่เลือกนำตำราแบบ 9 ช่องน่าจะมาจากเพื่อให้ง่ายต่อการเขียน การจารอักขระให้รวดเร็ว ประหยัดพื้นที่ในการเขียน ทำให้รูปทรงของวัตถุมงคลนั้นมีขนาดสัดส่วนที่เหมาะสมสวยงามพกพาสะดวกก็อาจจะ เป็นเหตุผลหนึ่ง สัพคุณ หรือ พุทธคุณ ให้ผลทางด้านคงกระพันชาตรี คุ้มภัยกันภัย ( ข่าม คง ) อีกทั้ง กะลาตาเดียวถือเป็นของทนสิทธิ์ คนสมัยก่อนนิยมนำมาทำเป็นกะลาตักข้าวสาร ถือ เคล็ด "กินบ่อเสี้ยง" (กินไม่มีหมด) จึงให้ผลทางด้านความอุดมสมบรูณ์ และ โชคลาภ การจารเป็นรูปพระราหูกำกับก็จะช่วยทางด้านหนุนดวงชะตา เสริมดวงชะตากันดวงตกกันดวงอับ จากฤทธิ์หรืออำนาจแห่งพระราหู ผู้มีอำนาจและพลังเหนือพระจันทร์และพระอาทิตย์ สัพคุณและฤทธิ์มีมากมาย. บางตำรา กล่าวว่าถ้าบูชาอย่างถูกวิธี จะให้ผลทางด้านความเจริญรุ่งเรือง หากอธิษฐาน ก็จะสมดังความปรารถนา สัมฤทธิ์ผล ทุกประการ หากพกพาติดตัวเข้าหาเจ้านายท้าวพระยาท่านจะรักและเมตตาประดุจดั่งลูกในอุทร ให้ยศให้ตำแหน่ง. หรือ ถ้ามีศัตรูก็จะกลับกลายเป็นมิตร
*** หลวงพ่อทำวัตถุมงคลไว้มากมาย เช่น เหรียญ พระผง ผ้ายันต์ ตะกรุด มีดหมอ แหวน รูปหล่อ ฯลฯ แต่ที่สร้างชื่อให้หลวงพ่อโด่งดังไปทั่วประเทศ นั่นคือ กะลาตาเดียว ซึ่งเป็นตำราของภาคเหนือ กำเนิดที่ภาคเหนือ กะลาของหลวงพ่อขลังมากๆ มีประสบการณ์มากที่สุด ฉกาจฉกรรจ์เฉียบขาดยิ่งนัก ***
ประสบการณ์ไม่ต้อง พูดถึง ผู้ใดได้ครอบครองติดตัว ล้วนแล้วแต่ แคล้วคลาดปลอยภัย (ปืนไม่ดัง) ซ้ำเจอเคาะห์ร้ายจะกลับกลายเป็นดี ปัดป้องสิ่งไม่ดีเสนียดจัญไร
ขอขอบคุณข้อมูล : อ.ตู่ น้ำทิพย์